Billboard Hot 100 นับคะแนนอย่างไร?

1. Billboard Hot 100 คือชาร์ตเพลงฮิตในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ด้วยความที่เป็นชาร์ตเพลงฮิต ไม่ใช่แค่ชาร์ตยอดขายอย่างเดียว จึงมีการนับคะแนนจากหลายแหล่ง และทำให้เป็นชาร์ตที่คนติดตามและให้ความสนใจมากที่สุด
2. ปัจจุบันการนับคะแนนจะมาจากยอด Streaming + ยอดขาย + ยอดแอร์เพลย์ (หรือยอดผู้ฟังผ่านวิทยุ)
และแน่นอนว่าเป็นชาร์ตของอเมริกา จึงนับยอดทั้งหมดนี้จากในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
และทาง Nielsen SoundScan บริษัทที่เป็นคนรวบรวมสถิติต่าง ๆ ก็มีระบบป้องกันคนมุด VPN มาซื้อหรือสตรีมด้วย
หมายเหตุ – ยอดสถิติต่าง ๆ ที่นำมาคำนวณนั้น ในอดีตจะแตกต่างออกไป อย่างเช่นในปี 1998 จะนับคะแนนเฉพาะเพลงที่ถูกนำมาขายเป็นซิงเกิ้ลเท่านั้น หากไม่ได้ตัดซิงเกิ้ล แต่เพลงดังในวิทยุ ก็ไม่ถูกนับยอด ดังนั้นจึงไม่ควรเอาชาร์ตในแต่ละปีมาเทียบว่าเพลงไหนดังกว่ากัน เพราะการคำนวณคะแนนอาจจะต่างกันได้ และน้ำหนักการคำนวณคะแนนก็อาจจะแตกต่างกันไปด้วย
ยอดวิวจาก Youtube ก็พึ่งจะมานับรวมเมื่อปี 2013 นี้เอง
3. ยอดขายนั้นรวมทั้งยอดแบบแผ่น และแบบดิจิตัล
ซึ่งถ้าซื้อเป็นแผ่นอัลบั้มจะไม่นับรวมในยอดขายของชาร์ตนี้ แต่จะไปอยู่ในชาร์ต Billboard 200 แทน ต้องซื้อแผ่นเป็นแบบซิงเกิ้ลเท่านั้น (หรือซื้อดิจิตอลแบบทีละเพลงเอา ถึงจะนับรวมในชาร์ตนี้)
4. ยอด Streaming แบ่งเป็นสองแบบ
คือ แบบบริการเสียเงิน และแบบฟรี/มีโฆษณา
แบบบริการเสียเงินเช่น Apple Music, Spotify (แบบพรีเมียม), Tidal จะได้คะแนนมากกว่าบริการฟรีอย่าง Youtube หรือ Spotify (แบบฟรี)
5. แล้ว Youtube ล่ะ?
Youtube เป็นแพลตฟอร์มที่พิเศษตรงที่มีเนื้อหาจากผู้ใช้งานด้วย ไม่ได้มีแต่วิดิโอเพลงจากค่ายหรือศิลปินโดยตรง
ซึ่ง Youtube จะนับยอดสตรีมจากวิดิโอทั้งของตัวศิลปิน และจากผู้ใช้งานด้วย
กรณีที่เป็นวิดิโอจากผู้ใช้ หากมีการใช้เพลงมากกว่า 30 วิ จะถูกนับรวมในยอดด้วย
6. แล้ว TikTok หรือ Social Media อื่น ๆ ล่ะ?
ไม่นับคะแนนเลย แต่เหตุผลที่เมื่อเพลงดังในโซเชียลหรือ TikTok ทำให้เพลงขึ้นชาร์ตได้ เพราะคนอาจจะตามไปฟังในสตรีมมิ่งอื่น ๆ หรือคลิปนั้นอาจจะถูกดูดไปลงใน Youtube และยอดวิวใน Youtube เลยส่งผลต่อคะแนนในชาร์ตอีกที
ดังนั้นสังเกตดูว่าเวลาที่เราเข้าไปในคลิปยูทูบที่มีการใช้เพลงจากศิลปินคนไหน ในคำอธิบาย จะมีข้อมูลเพลงปรากฎอยู่ ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติของ Youtube ที่คอยตรวจจับว่ามีการใช้เนื้อหาของศิลปินคนไหนมั้ย
ทำให้ Youtube เป็นแพลตฟอร์มดูวิดิโอเจ้าเดียวที่ถูกนับยอดในชาร์ตด้วย เพราะโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ไม่มีระบบที่แม่นยำเท่า Youtube

7. เวลาการนับคะแนน
ด้วยความที่มีการเก็บยอดสถิติหลายรูปแบบ จึงมีเวลาการนับคะแนนต่างกัน
โดยที่
– นับยอดขายและยอดสตรีมในวันศุกร์ – พฤหัส
– นับยอดแอร์เพลย์จันทร์ – อาทิตย์
– วันอังคารถัดไปจะปล่อยชาร์ตทั้งหมดให้ดู (โดยวันที่จะเป็นวันเสาร์ของสัปดาห์ที่ปล่อยชาร์ต)
ตัวอย่างเช่น
เริ่มนับยอดสตรีมวันศุกร์ที่ 1 มกราคม – พฤหัสที่ 7 มกราคม
เริ่มนับยอดแอร์เพลย์วันจันทร์ที่ 4 มกราคม – อาทิตย์ที่ 10 มกราคม
วันจันทร์ 11 ทางบิลบอร์ดจะออกข่าวให้ดู 10 อันดับแรก
วันอังคารที่ 12 จะปล่อยชาร์ตตัวเต็ม และบอกว่าเป็นของสัปดาห์ที่ 16 มกราคม (วันเสาร์)
8. ระบบ Recurrence
เป็นระบบที่เอาไว้ล้างเพลงที่อยู่บนชาร์ตมานานออกไป เพื่อให้ชาร์ตมีความสดใหม่ โดยปัจจุบันมี 2 กฎเกณฑ์
8.1 หากเพลงไหนอยู่บนชาร์ตมานานกว่า 20 สัปดาห์ และตำแหน่งบนชาร์ตอยู่ต่ำกว่า 50 จะถูกล้างออกไปจากชาร์ต
ตัวอย่างเช่น เพลง A อยู่บนชาร์ตมา 20 สัปดาห์แล้ว และอยู่อันดับ 49 ในวีคนั้น วีคถัดมา หากร่วงไปอยู่อันดับ 51 จะถูกลบออกจากชาร์ตไปเลย
ในขณะที่ถ้าอยู่มา 19 สัปดาห์ แต่ตกไปทีอันดับ 51 จะไม่ถูกล้างออกไป
8.2 หากเพลงไหนอยู่บนชาร์ตมานานกว่า 52 สัปดาห์ และตำแหน่งบนชาร์ตต่ำกว่า 25 จะถูกล้างออกไปจากชาร์ต
โดยจำนวนสัปดาห์นั้นจะรวมตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เคยขึ้นชาร์ตเลย อย่างเช่น เพลง B ขึ้นชาร์ตมาได้ 19 สัปดาห์ และหลุดชาร์ตไป หากกลับขึ้นมาได้อีกครั้งนึงก็จะนับเป็นสัปดาห์ที่ 20 และถ้าสัปดาห์ถัดไปอันดับร่วงไปมากกว่า 50 ก็จะถูกลบออกไป (แต่ก็กลับขึ้นมาใหม่ได้ถ้าอันดับสูงกว่า 50 นะ)
ดังนั้นเพลง All I Want For Christmas Is You ที่กลับมาได้ทุกปีแต่อยู่บนชาร์ตได้ไม่นาน เพราะกฎการ Recurrence นี่เอง
9. แล้วเพลงรีมิกซ์ล่ะ?
ยอดสถิติทั้งเพลงปกติและรีมิกซ์จะถูกนับรวมกัน แต่ยอดฝั่งไหนคะแนนมากกว่า จะถูกนำมาขึ้นเครดิตบนชาร์ต
อย่างเช่นเพลง Summertime Sadness ของ Lana Del Rey บนชาร์ตจะขึ้นว่าเป็นเวอร์ชั่นรีมิกซ์
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเท่าที่หามาได้นะครับ
แหล่งที่มา : Reddit
ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถคอมเมนต์ถามมาได้เลยครับ จะพยายามมาหาคำตอบให้