Aimer – StarRingChild (English Version)

รวมเพลงแปลจาก Aimer, Japanese, Sawano Hiroyuki

Please hear me
I want to tell you
Please sing to me
I wanna hear your voice
Star・Ring・Child

ได้โปรดฟังฉันที
ฉันมีสิ่งที่อยากบอกกับเธอ
โปรดร้องเพลงให้ฉันที
ฉันอยากได้ยินเสียงเธอเหลือเกิน
เด็กน้อยแห่งวงแหวนดวงดาว

Thinkin about the moment while we’d strayed
from the right path
We’ve might misplaced the seed of smile
but we were not spontaneous

คิดถึงช่วงเวลาที่เราหลงทางไป
จากเส้นทางที่ถูกต้อง
เราอาจจะวางเมล็ดพันธุ์แห่งรอยยิ้มผิดที่ไป
แต่เราก็ไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ

There’s a lump in my throat
I ain’t ready to recover it was too young to grasp
I thought it must be no business of mine
They ought to try rewriting our life like as
she has been done

เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างติดในคอฉัน
ฉันยังไม่พร้อมที่จะฟื้นตัว มันยังคงเด็กเกินกว่าจะคว้าเอาไว้ได้
ฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องอะไรของฉัน
พวกเขาพยายามจะเขียนชีวิตเราใหม่ เหมือนอย่างที่
เธอเคยถูกกระทำมาตลอด

We’ve struggled to break loose
from this metempsychosis
Got mature too much to hear
our voice within

เราดิ้นรนที่จะเป็นอิสระ
จากการเวียนว่ายตายเกิดนี้
เราเติบโตกันมากเกินไป
จนไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ภายในเราอีกแล้ว

Star・Ring・Child
Give me your hands to see what noble galaxy
That we’ve been fighting for
I’m by your side, I’ll give you all of me
To track who we used to be
While the stars sync with my heart beat
The story will go on

เด็กน้อยแห่งวงแหวนดวงดาว
ช่วยให้ฉันได้เห็นกาแล็กซี่อันสูงศักดิ์นี้
ที่เราต่อสู้เพื่อมันมาเสมอทีสิ
ฉันอยู่เคียงข้างเธอนะ จะมอบทุกอย่างให้กับเธอ
เพื่อติดตามตัวตนที่เราเคยเป็น
ในขณะที่ดวงดาวกระพริบไปพร้อมกับจังหวะหัวใจฉัน
เรื่องราวจะดำเนินต่อไป

I’m gonna lose my reasons
while I’d sink in deep complacence
Without your hope,
I can’t reboot from myself in repentance

ฉันกำลังจะสูญเสียเหตุผลของฉันไป
ขณะที่กำลังจมลงสู่ความพอใจอันลึกซึ่ง
ปราศจากซึ่งความหวังของเธอ
ฉันรีบูตตัวเองในยามสำนึกผิดไม่ได้จริงๆ

My body’s hurt and shaking
Even now while we are in freedom
I receive the truth whenever
I catch your footsteps and rhythm
We survive and stand on here
at the huge sacrifice of their life

ร่างกายฉันมันเจ็บปวดและสั่นเทิ้มไปหมด
ถึงแม้ในตอนนี้ที่เราเป็นอิสระ
ฉันได้รับความจริง เมื่อไหร่ก็ตาม
ที่ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอ และจังหวะของมัน
เรารอดชีวิตมาได้ และยืนอยู่ตรงนี้
ในจุดที่ต้องมีการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตพวกเขา

We’ve struggled to break loose
from this metempsychosis
But we’d chosen then to play
out such a role

เราดิ้นรนที่จะเป็นอิสระ
จากการเวียนว่ายตายเกิดนี้
แต่เรากลับเลือกที่จะเล่น
ไปตามบทบาทแบบนี้

When the sun hides in the cosmic clouds
Under the dark night shroud , the silence will wraple us
You’re by my side, You share the fate with me
I could let my heart be free
Now, I’ll wake from my delusion

เมื่อดวงตะวันซ่อนตัวในเมฆหมอกของจักรวาล
ภายใต้ผ้าคลุมของยามราตรีอันมืดมิด ความเงียบงันจะครอบงำเรา
เธออยู่เคียงข้างฉัน แบ่งปันโชคชะตากับฉัน
ฉันจะปล่อยหัวใจฉันให้เป็นอิสระ
ตอนนี้ฉันจะตื่นจากการหลอกตัวเองเสียที

Star・Ring・Child
Give me your hands to see what noble galaxy
That we’ve been fighting for
I’m by your side, I’ll give you all of me
To track who we used to be
While the stars sync with my heart beat
The story will go on

เด็กน้อยแห่งวงแหวนดวงดาว
ช่วยให้ฉันได้เห็นกาแล็กซี่อันสูงศักดิ์นี้
ที่เราต่อสู้เพื่อมันมาเสมอทีสิ
ฉันอยู่เคียงข้างเธอนะ จะมอบทุกอย่างให้กับเธอ
เพื่อติดตามตัวตนที่เราเคยเป็น
ในขณะที่ดวงดาวกระพริบไปพร้อมกับจังหวะหัวใจฉัน
เรื่องราวจะดำเนินต่อไป

Soar beyond the noise, we’ll live in harmony
And strive against the destiny
We’re charging up enough to make our brand new flow
Standing back now from all sorts of agony
There’s no meaning to seek any reason
Everything starts off in a second

ทะยานไปเหนือเสียง เราจะใช้ชีวิตอยู่ในเสียงประสาน
และดิ้นรนต่อสู้กับโชคชะตา
เราจะรวบรวมพลังให้มากพอที่จะสร้างกระแสใหม่ของเรา
ยืนอยู่ให้ห่างจากความเจ็บปวดทั้งหลาย
ไม่มีความหมายที่จะหาเหตุผลอะไรหรอก
ทุกๆอย่างจะเริ่มต้นขึ้นในอีกวินาทีนี้

Right behind the worst
The daybreak was reserved
For the people who’re confined
We’re charging up enough to make our brand new flow

อยู่ถัดจากเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุด
รุ่งอรุณได้ถูกสงวนเอาไว้
สำหรับผู้คนที่ถูกจองจำ
เราจะรวบรวมพลังให้มากพอที่จะสร้างกระแสใหม่ของเรา

Standing back now from all sorts of agony
There’s no meaning to seek any reason
Everything starts shining
so bright to draw the new age

ยืนอยู่ให้ห่างจากความเจ็บปวดทั้งหลาย
ไม่มีความหมายที่จะหาเหตุผลอะไรหรอก
ทุกๆอย่างจะเปล่งประกาย
ให้ส่องสว่างจนเรียกหายุคสมัยใหม่ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.