Green Day – Jesus of Suburbia

รวมเพลงแปลจาก Green Day

Green Day !!
ถึงไม่ได้เป็นแฟนวงนี้ แต่ก็ชอบอยู่หลายเพลงนะ 😀

บอกก่อนเลยว่า…
เพลงนี้ยิ่งใหญ่มากกกก
ถ้าแปลผิดพลาดยังไงต้องขออภัยอย่างใหญ่หลวงจริงๆ
มันอลังการมากกก 555+
ใช้เวลาแปล + หาข้อมูลไปกว่า 3 ชั่วโมง เอาจริงๆก็ทำไปเรื่อยเปื่อยๆเกือบ 5ชั่วโมงเลย ><

มันอลังการยังไง…
เพลงนี้เปรียบเสมือนเพลง โอเปร่า ครับ
ที่จะมีแบ่งเป็นตอนๆ ประกอบรวมกันเป็น 1 เพลง
แถม ยังมีเนื้อเรื่องในตัวด้วยนะ 😀

ไปดูกันนน

ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก

[Part 1: Jesus Of Suburbia ]
ตอนที่1… พระเยซูแห่งย่านชานเมือง

I’m the son of rage and love
The Jesus of Suburbia
From the bible of none of the above
On a steady diet of
Soda pop and Ritalin
No one ever died for my sins in hell
As far as I can tell
At least the ones I got away with

ฉันเป็นทายาทแห่งความโกลาหลและความรัก
พระเยซูแห่งย่านชานเมือง
จากพระคัมภีร์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ใช้ชีวิตอยู่กับ
น้ำอัดลม และ ยา Ritalin
ไม่มีใครตายเพราะทำบาปในนรกที่นี่
ฉันบอกได้แค่นี้
อย่างน้อยก็คนที่ฉันจากมา

And there’s nothing wrong with me
This is how I’m supposed to be
In a land of make believe
That don’t believe in me

ฉันไม่ได้ผิดซักหน่อย
นี่แหละคือสิ่งที่ฉันควรจะเป็น
ในดินแดนแห่งความศรัทธา
ที่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวฉัน

Get my television fixed
Sitting on my crucifix
The living room or my private womb
While the Moms and Brads are away
To fall in love and fall in debt
To alcohol and cigarettes and Mary Jane
To keep me insane,
Doing someone else’s cocaine

ฉันซ่อมทีวีของฉัน
นั่งอยู่บนไม้กางเขน
ห้องนั่งเล่น หรือที่ที่ฉันเกิดมา
ในขณะที่แม่และ Brads ออกไปด้วยกัน
เพื่อจะสร้างความรัก และสร้างหนี้สิน
ด้วยแอลกอฮอล์ บุหรี่ และกัญชา
มันทำให้ฉันอยากจะบ้า
แล้วก็ไปเล่นโคเคนของคนอื่นๆ

And there’s nothing wrong with me
This is how I’m supposed to be
In a land of make believe
That don’t believe in me

ฉันไม่มีอะไรผิดซักหน่อย
นี่แหละคือสิ่งที่ฉันควรจะเป็น
ในดินแดนแห่งความศรัทธา
ที่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวฉัน

ท่อนนี้ถือเป็น Overture หรือปฐมบท ของมหากาพย์อัลบั้ม American Idiot นี้เลยทีเดียว
แสดงให้เห็นว่าตัวเอกของเรื่อง (Jesus)
ใช้ชีวิตอยู่ในย่านชานเมือง กับแม่ที่เลี้ยงดูมาด้วยอะไรก็ไม่รู้
แล้วก็ยังจะมียาเสพติดมาพัวพัน
เค้าก็ยังพูดเสียดสีด้วยว่าชีวิตที่มันผิดเพี้ยนนี้คือเรื่องปกติสำหรับเค้า
(ฉันไม่ผิดซะหน่อย นี่แหละคือสิ่งที่ฉันเป็น)

[Part 2: City Of The Damned]
ตอนที่2… เมืองที่ถูกสาป

At the center of the Earth
In the parking lot
Of the 7-11 where I was taught
The motto was just a lie
It says home is where your heart is
But what a shame
Cause everyone’s heart
Doesn’t beat the same
It’s beating out of time

ที่จุดศูนย์กลางของโลกใบนี้
ในลานจอดรถ
ของ 7-11 ที่ที่ฉันได้เรียนรู้ว่า
คติพจน์ที่เค้าพูดกันมันเป็นแค่เรื่องโกหก
เค้าว่ากันว่า “บ้านคือที่ที่พักหัวใจของคนเรา”
แต่ช่างน่าเสียดายนะ
เพราะหัวใจของทุกๆคน
ไม่ได้เต้นพร้อมกันซะหน่อย
มันคร่อมจังหวะอยู่ต่างหาก

City of the dead
At the end of another lost highway
Signs misleading to nowhere
City of the damned
Lost children with dirty faces today
No one really seems to care

เมืองแห่งความตาย
ที่สุดปลายทางของทางหลวงแห่งความสับสน
ซึ่งนำพาไปที่ไหนก็ไม่รู้
เมืองต้องสาป
เด็กหลงทางที่หน้าตามอมแมมทุกๆวันนี้
กลับไม่มีใครสนใจใยดี

I read the graffiti
In the bathroom stall
Like the holy scriptures of the shopping mall
And so it seemed to confess
It didn’t say much
But it only confirmed that
The center of the earth
Is the end of the world
And I could really care less

ฉันอ่านรอยขีดเขียน
ในห้องน้ำ
มันช่างเหมือนกับพระคัมภีร์แห่งศูนย์การค้า
และดูเหมือนมันจะสารภาพทุกอย่างออกมา
แต่มันไม่บอกอะไรมากมายนัก
แค่อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่า
ศูนย์กลางของโลกใบนี้
คือจุดจบของโลก
และฉันก็ไม่ได้แคร์อะไรมากมาย

City of the dead
At the end of another lost highway
Signs misleading to nowhere
City of the damned
Lost children with dirty faces today
No one really seems to care

เมืองแห่งความตาย
ที่สุดปลายทางของทางหลวงแห่งความสับสน
ซึ่งนำพาไปที่ไหนก็ไม่รู้
เมืองต้องสาป
เด็กหลงทางที่หน้าตามอมแมมทุกๆวันนี้
กลับไม่มีใครสนใจใยดี

ตอนที่2ของมหากาพย์บทนี้ กล่าวถึงเมืองที่เขาอยู่ว่ามันแย่แค่ไหน
จุดศูนย์กลางของชีวิตเค้าอยู่ที่ร้าน 7-11
เขาตัดพ้อถึงคำพังเพยนั้นเพราะบ้านที่เขาอยู่ ไม่ใช่ที่ที่เขาอยากอยู่เลย
และคนสมัยนี้ก็ดูจะไม่มีน้ำใจให้กันอีกต่อไป (เด็กหลงทาง กลับไม่มีคนใยดี)
ในส่วนที่พูดถึงพระคัมภีร์ว่าอยู่ที่ศูนย์การค้าต่างๆ
ก็น่าจะหมายถึงศูนย์รวมจิตใจคนเดี๋ยวนี้มันไปอยู่ที่ย่านการค้าแทนแล้ว

[Part 3: I Don’t Care]
ตอนที่3… ฉันไม่แคร์

I don’t care if you don’t
I don’t care if you don’t
I don’t care if you don’t care
[X4]

I don’t care

ฉันไม่แคร์ ถ้าเธอไม่แคร์เหมือนกัน

Everyone is so full of shit
Born and raised by hypocrites
Hearts recycled but never saved
From the cradle always to the grave
We are the kids of war and peace
From Anaheim to the middle east
We are the stories and disciples
Of the Jesus of suburbia
Land of make believe
And that don’t believe in me
Land of make believe
And I don’t believe
And I don’t care!
I don’t care! [x4]

ทุกๆคนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องบ้าๆบอๆ
โตมากับความเสแสร้ง
เอาหัวใจตัวเองมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยรักษามันไว้ให้ดี
จากเปลเด็กก็มุ่งตรงสู่หลุมฝังศพเสมอ
เราเป็นเยาวชนแห่งสงครามและสันติภาพ
จากเมือง Anaheim จนถึงเอเชียตะวันออกกลาง
พวกเราคือเรื่องราว และลูกศิษย์
ของพระเเยซูแห่งย่านชานเมือง
ดินแดนแห่งความศรัทธา
ที่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวฉัน
ดินแดนแห่งความเชื่อมั่น
แต่ฉันไม่เชื่อ
ฉันไม่แคร์ !

ในตอนที่3นี้เขายิ่งทวีความโกรธที่มีต่อเมืองนี้ โลกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
และไม่เชื่อในสิ่งที่เขาถูกสังคมยัดเยียดให้เขาตลอดชีวิตมาอีกแล้ว
ดินแดนแห่งความศรัทธาก็คงหมายถึงเมืองนี้
ที่มีแต่คนบอกให้เชื่ออย่างนู้นอย่างนี้ แล้วจะดีเอง
แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่คำโกหก(จากตอนที่แล้ว)
เขาจึงเลือกจะไม่แคร์อะไรอีกแล้ว ในเมื่อไม่มีใครสนใจเขาอยู่แล้ว

[Part 4: Dearly Beloved]
ตอนที่4… แด่เธอที่รัก

Dearly beloved are you listening?
I can’t remember a word that you were saying
Are we demented or am I disturbed?
The space that’s in between insane and insecure
Oh, therapy, can you please fill the void?
Am I retarded or am I just overjoyed
Nobody’s perfect and I stand accused
For lack of a better word, and that’s my best excuse

เธอที่รักของฉัน ฟังอยู่หรือเปล่า?
ฉันจำไม่ได้เลยว่าเธอพูดอะไรไปบ้าง
เราเป็นบ้าไปแล้วหรือแค่ฉันถูกอะไรรบกวน?
ช่องว่างที่อยู่ระหว่างความบ้าคลั่งและความไม่ปลอดภัย
โอว… การบำบัดจะช่วยเติมเต็มช่องว่างนั้นได้มั้ย?
ฉันปัญญาอ่อนหรือแค่ดีใจเกินเหตุเนี่ย
“ไม่มีใครเพอร์เฟค”และฉันก็ยังแก้ตัวแบบนั้น
เพราะไม่รู้จะหาคำไหนที่ดีกว่านี้มาพูด และคำพูดนั้นคือคำแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับฉัน

ในตอนที่4นี้… เท่าที่ดูแล้ว
น่าจะแสดงถึงอีกด้านนึงของตัวเขา
ด้านที่ปราศจากการพูดเสียดสีโลกใบนี้
ว่าความจริงเขาก็ต้องการความช่วยเหลือเหมือนกัน

[Part 5: Tales Of Another Broken Home]
ตอนที่5… อีกหนึ่งเรื่องราวของครอบครัวที่พังทลาย

To live and not to breathe
Is to die In tragedy
To run, to run away
To find what you believe
And I leave behind
This hurricane of fucking lies

การมีชีวิตอยู่โดยเหมือนถูกห้ามหายใจ (เหมือนการใช้ชีวิตอย่างไร้อิสระนั่นเอง)
ก็เหมือนกับตายในโศกนาฏกรรม
วิ่ง วิ่งหนีไป
เพื่อหาสิ่งที่เธอเชื่อมั่น
และปล่อยเอา
เฮอร์ริเคนแห่งความโกหกนั้นไว้ตรงนั้น

I lost my faith to this
This town that don’t exist
So I run
I run away
To the light of masochist
And I leave behind
This hurricane of fucking lies
And I walked this line
A million and one fucking times
But not this time

ฉันหมดความศรัทธาให้กับ
เมืองนี้ ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงอีกแล้ว
ฉันจึงวิ่ง
วิ่งหนีไป
ไปสู่แสงสว่างแห่งความเจ็บปวด
และฉันก็จะปล่อยเอา
พายุแห่งความโกหกทั้งหลายนั้นไว้ตรงนั้น
ฉันเลือกเดินเส้นทางนี้
เป็นล้านๆครั้ง
แต่ไม่ใช่ครั้งนี้

I don’t feel any shame
I won’t apologize

ฉันไม่อายเลย
จะไม่ขอโทษใคร

When there ain’t nowhere you can go
Running away from pain
When you’ve been victimized
Tales from another broken home

ยามที่เธอไม่มีที่ไปอีกแล้ว
ต้องวิ่งหนีจากความเจ็บปวด
เมื่อเธอกลายเป็นเหยื่อ
จากอีกหนึ่งเรื่องราวของครอบครัวที่พังทลาย

You’re leaving…
You’re leaving…
You’re leaving…
Ah you’re leaving home…

เธอจะจากไป…
จากบ้านหลังนั้นไป…

ท่อนสุดท้ายของเพลงนี้ก็แปลตรงตัวเลยครับ
วรรคแรกของเพลงสื่อให้เห็นว่าชชีวิตเขาเหมือนถูกบีบบังคับโดยสังคมมาตลอด
(to live and not to breath is to die in tragedy)
เค้าสิ้นหวังกับการที่จะอยู่บ้านหลังนี้ เมืองนี้
เขาจึงเลือกจะจากเมืองนี้ไป…
ต่อจากนี้ พระเยซูแห่งชานเมืองนี้ก็ได้จากเมืองนี้ไป
แต่เรื่องราวมันยังไม่จบเพียงเท่านี้
ทั้งอัลบั้ม American Idiot นี้เปรียบได้เหมือนกับมหากาพย์บทหนึ่ง
เพราะทุกๆเพลงเชื่อมต่อกันทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังได้เอาไปทำเป็นละครเวทีแล้วด้วยครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.