เรียนภาษาอังกฤษจากเพลง : Taylor Swift – Blank Space ตอน 1

เคยคิดจะทำมาซักพักแล้ว ว่าอยากจะทำโพสต์เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษด้วยเนื้อเพลง ซึ่งจริงๆเว็บนี้ก็แปลเนื้อเพลงให้ได้อ่านกันอยู่แล้วเนอะ คราวนี้เลยอยากจะสอนภาษากันแบบเต็มสูบดูบ้าง
เพลงที่เอามาใช้สอนในวันนี้ก็ขอ “ชำแหละ” เพลง Blank Space ของนุ้งเทย์ Taylor Swift ละกันเนอะ

ถ้าอยากอ่านเนื้อเพลงและคำแปลเฉยๆก็ดูได้ที่ลิงก์นี้เน้อ https://aelitaxtranslate.com/2014/11/taylor-swift-blank-space.html

คำแปลที่ใส่ไว้หลังเนื้อเพลงในโพสต์นี้ จะพยายามแปลให้ตรงกับภาษาอังกฤษมากกว่าในโพสต์ที่แปลทั่วๆไปนะ ไม่อยากให้ความหมายมันหลุดจากภาษาอังกฤษไปมากเพราะตั้งใจจะเห็นความหมายจริงๆของคำ
แล้วก็ตั้งใจว่าจะเขียนเนื้อหาของแต่ละแกรมมาร์แยกไว้เป็นโพสต์ๆต่อไปอีกด้วย ตรงที่วงเล็บไว้ว่า (คำอธิบาย …..) อะไรพวกนี้คือเผื่อไว้ลิงก์เนื้อหาแกรมมาร์ในอนาคตนะ (ในกรณีที่กระแสตอบรับดีจะเขียนต่อเรื่อยๆ)

Nice to meet you, where you been? ยินดีที่ได้รู้จัก เธอไปอยู่ที่ไหนมา?

Nice to meet you เป็นวลีที่ใช้ในกับคนที่เราพึ่งได้ทำความรู้จัก แปลได้ว่า “ยินดีที่ได้รู้จัก”

Where you been ถ้าจะเอาให้ถูกหลักไวยากรณ์จริงๆแล้วนั้น ต้องเขียนว่า Where have you been?
แปลได้ว่า เธอไปอยู่ที่ไหนมา?
สาเหตุที่ต้องใช้รูป Where have you been หรือ Where had you been เพราะ
1. been ถือเป็นกริยาช่อง 3 ซึ่งกริยาช่อง 3 นี้ไม่สามารถใช้เดี่ยวๆได้เหมือนกริยาช่อง 1 และ 2
2. กริยาช่อง 3 ใช้กับประโยคในรูป Perfect หรือ Passive Voice (ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ) เท่านั้น

สำหรับกรณีนี้ ควรจะเป็นรูป Perfect เพราะเป็น Passive Voice ไม่ได้เนื่องจาก verb to be ทั้งหมด ถูกทำเป็นประโยค passive voice ไม่ได้
หลักการของประโยครูป Perfect ก็คือต้องมี verb to have + verb ช่อง 3 = have been
(คำอธิบาย Passive Voice)

แล้วประโยครูป Perfect คืออะไรล่ะ?
ประโยครูป Perfect คือประโยคที่พูดถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงจุดจุดหนึ่ง พูดง่ายๆว่าเป็นเหตุการณ์ที่กระทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ในอดีตนั่นแหละ
ส่วนจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์นั้น ขึ้นอยู่กับ Tense ที่เราใช้
อย่างเช่น Past perfect tense = เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีตตตตตต จนถึง อดีตจุดที่เราพูดถึง (เป็นอดีตของอดีตนั่นเอง)
Present perfect tense = เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบัน

ในเหตุการณ์นี้ เลยคิดว่าน่าจะเป็น Where have you been
เพราะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีต จนถึง ปัจจุบัน
“เธอไปอยู่ที่ไหนมา?” อารมณ์แบบ ตั้งแต่อดีต จนถึงตอนเนี้ยที่ผู้ชายคนนี้โผล่มา ฮีไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำไมพึ่งมาเจอเอาตอนนี้ล่ะ!!
แบบนี้เลยตัองใช้ Present perfect tense เนอะ
(คำอธิบาย Present Perfect Tense)

I could show you incredible things ฉันสามารถแสดงให้เธอเห็นถึงสิ่งที่เหลือเชื่อได้

Could เป็น modal verb หรือเป็นกริยาช่วยที่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้ มีความหมายเหมือน Can ที่แปลว่าสามารถ แต่วิธีการเอาไปใช้คือจะมีความสุภาพกว่า Can และสามารถใช้ในรูปอดีตได้
(คำอธิบาย Modal Verb)

Magic, madness, heaven, sin ความมหัศจรรย์, ความบ้าคลั่ง, สวรรค์, บาป

Magic โดยปกติแล้วแปลว่าเวทมนตร์ แต่อาจแปลได้ว่าความมหัศจรรย์ก็ได้เหมือนกัน
Madness เป็นคำนามของคำว่า Mad (คำคุณศัพท์) ที่แปลว่า บ้า หรือ โกรธ โดยส่วนใหญ่แล้วถ้ามี ness ลงท้าย คำคำนั้นมักจะเป็นคำนาม และเป็นการเปลี่ยนจากคำคุณศัพท์เป็นคำนามเสียส่วนมาก
(คำอธิบาย Suffix)

Saw you there and I thought เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น และฉันก็คิด

ประโยคนี้เป็นรูปอดีตกาล หรือ Past Simple Tense เห็นได้จากกริยาช่อง 2 (Saw ช่อง 2 ของ See และ Thought ช่อง 2 ของ Think)
คิดว่าตรงนี้เป็นรูปอดีตเพราะพูดไปถึงตอนที่ผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา
(คำอธิบาย Past Simple Tense)

Oh my God, look at that face โอ้พระเจ้า ดูหน้านั้นสิ
You look like my next mistake เธอดูเหมือนความผิดพลาดครั้งต่อไปของฉันเลยนะ
Love’s a game, want to play? ความรักก็เหมือนเกม อยากจะเล่นมั้ย?

Oh my God อันนี้คิดว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าเป็นคำอุทานเนอะ โอ้พระเจ้าาาาา โอ้มายก้อดดดดด เจอกันบ่อยๆ
Mistake แปลว่า ความผิดพลาด คำที่ใกล้เคียงก็มีคำว่า Fault, Error, Flaw
3 ประโยคนี้เป็นรูปปัจจุบัน เพราะว่าสามประโยคนี้เป็นสิ่งที่เธอ”คิด” หรือ”พูด”
คำพูดและความคิดที่ใช้ปกติ ถ้าเราไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตนะ เราจะใช้เป็นรูปปัจจุบัน แม้ว่าเราจะพูดหรือคิดในอดีตก็ตาม แต่คำพูดที่ออกมาจะเป็นรูปปัจจุบัน
(คำอธิบาย Present Simple Tense)

New money, suit and tie เศรษฐีหน้าใหม่ สวมสูทผูกไท

New money เป็นสแลง หมายถึงคนที่พึ่งจะรวย อาจจะเคยเป็นชนชั้นล่างหรือชั้นกลางมาก่อน บางทีอาจจะเป็นคำที่ใช้พูดถึงคนที่พึ่งรวยเลยซื้อของแพงๆอวดร่ำอวดรวยก็ได้เช่นกัน

I can read you like a magazine ฉันอ่านเธอได้ง่ายๆเหมือนอ่านนิตยสาร

ถ้าใช้คำว่า read กับคน จะหมายถึงการอ่านใจ หรืออ่านความคิดของคนคนนั้น

Ain’t it funny, rumors fly มันไม่ตลกหรอ ที่ข่าวลือมันแพร่ไปเร็วเหลือเกิน

Ain’t เป็นคำย่อแบบไม่เป็นทางการของ am not, are not, is not, has not, have not.
ซึ่งในกรณีนี้ จะย่อมาจาก Isn’t it เพราะมี It เลยต้องใช้ is
ไม่ใช้ has เพราะ funny เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) ต้องใช้ verb to be เป็นตัวเชื่อม

และถ้าใครเคยฟังเพลง If I ain’t got you. Ain’t ในที่นี้ ย่อมาจาก Have not เพราะประโยคนี้มีกริยาหลักเป็น Got อยู่แล้ว (เป็นช่อง 3 ของ get) และเพราะเป็นช่อง 3 เลยต้องใช้คู่กับ Perfect tense ที่ต้องการ verb to have มาเป็นกริยาช่วย
ปกติแล้วที่เราเรียนมาช่องที่ 3 ของ Get คือ Gotten แต่เป็นคำที่ไม่ค่อยได้ใช้กันเท่าไหร่ในทั่วโลก ใช้แค่ในอเมริกาเท่านั้น
(คำอธิบาย Perfect Tense)

ส่วน Fly ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าบิน จริงๆก็บินอะแหละ แบบ ข่าวลือบินไป แพร่ไปอย่างเร็ว

And I know you heard about me และฉันรู้ว่าเธอก็เคยได้ยินเกี่ยวกับฉันมาแล้ว

ท่อนนี้มีทั้ง Present Simple Tense และ Past Simple Tense อยู่ด้วยกัน
ส่วนที่เป็นปัจจุบันคือ I know และอดีตก็คือ You heard about me ดูได้จากรูปของกริยา know เป็นช่อง 1 และ heard เป็นช่องสองของ hear
ที่ต้องใช้สอง tense แบบนี้เพราะว่า… เธอรู้ ในปัจจุบัน ว่า ในอดีต เขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเธอแล้ว
(คำอธิบาย Past Simple Tense)
(คำอธิบาย Present Tense)

So hey, let’s be friends ดังนั้นก็ เฮ้ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ

Let’s เป็นคำย่อมาจาก Let us ที่แปลว่า “ปล่อยให้เรา” “ยอมให้เรา” “ให้พวกเรา” อะไรประมาณนี้
เจอบ่อยๆก็ Let’s go “พวกเราไปกันเถอะ”
Let มันจะค่อนข้างเป็นคำเชิญชวน หรือการอณุญาต หรือคำสั่งนะ

I’m dying to see how this one ends ฉันอยากจะเห็นแทบตาย ว่าเรื่องครั้งนี้จะจบลงยังไง

ประโยคนี้จะเป็นกริยารูป -ing อยู่ ซึ่งเป็นรูป ing ของคำว่า die + ing = dying
die ที่แปลว่าตายนั่นแหละ ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า ฉันกำลังจะตาย แต่ต้องดูทั้งประโยคคือ dying to see “อยากจะเห็นแทบตาย”
ส่วนรูปประโยคที่เป็น -ing คือรูป Continuous นั่นเอง (หรือ Progressive ก็ได้) ในกรณีนี้ก็จะเป็น Present Continuous Tense
วิธีการสร้างประโยค Continuous ก็คือ verb to be + verb -ing = I am dying
วิธีการใช้ประโยค Continuous คือ… ใช้ในตอนที่เราบอกว่า เรา”กำลัง”ทำอะไรอยู่ แต่อยู่ในอดีตหรือปัจจุบันหรืออนาคตก็ต้องเปลี่ยน verb to be ไปตามนั้น
ถ้าเป็นอดีตก็คือ I was dying
อนาคตก็ I will be dying
เป็นต้น

One ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงจำนวนหรือตัวเลข แต่เป็นการอ้างอิงถึงสิ่งที่เคยพูดมาก่อนหน้านี้ ในที่นี้น่าจะแปลว่าความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายคนที่พึ่งเจอนี้นั่นเอง

Grab your passport and my hand หยิบพาสปอร์ตของเธอ และจับมือฉันไว้
I can make the bad guys good for a weekend ฉันจะทำให้หนุ่มสุดแสบกลายเป็นหนุ่มแสนดีในยามสุดสัปดาห์เอง

Make เป็นหนึ่งในกริยาที่ใช้สั่งหรือบังคับให้ใครสักคน ทำอะไรบางอย่าง เหมือนคำว่า Let, have, get
มีรูปแบบในการใช้งานคือ
Make someone do something = Make (the bad guys) (good)
ทำให้ผู้ชายแสบๆ เป็นคนดี
(คำอธิบาย Causative)

So it’s gonna be forever มันจะอยู่ไปได้ตลอดไป
Or it’s gonna go down in flames หรือมันจะจมลงในเปลวไฟกัน

Gonna เป็นคำย่อของ Going to แต่เป็นคำที่ไม่เป็นทางการนะ ไม่ควรใช้ในการพูดหรือการเขียนที่เป็นทางการ
จากรูปประโยค verb to be (is) + going to (gonna) + infinitive without to (be)
เป็นรูปประโยคของ Future Simple Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง
รูปประโยค Future Simple Tense ยังสร้างได้อีกแบบหนึ่งคือ will + infinitive without to ก็ได้
ส่วนไอที่บอกว่า infinitive without to เนี่ย… ถ้าเอาแบบง่ายๆแล้ว มันก็คือ verb ช่องแรกนี่แหละ แบบไม่เติม s ไม่เปลี่ยนรูปอะไรทั้งนั้น
แต่กรณี verb to be เนี่ย รูป infinitive ของมันคือ to “be” ไง
ไว้จะอธิบายเรื่อง infinitive แบบละเอียดอีกโพสต์เนอะ
(คำอธิบายเรื่อง Infinitive และ Gerund)

Go down in flames เป็นสำนวนที่แปลว่า พังพินาศ แต่จริงๆคิดว่าความหมายมันเหมือนกับการที่จมลงในกองไฟ เลยก็คิดว่าแปลแบบ จมลงกองไฟ น่าจะสวยกว่า
แต่สำหรับการเอาไปใช้จริง ก็เอาไปใช้ว่าพังพินาศเลยได้นะ

You can tell me when it’s over เธอสามารถบอกฉันตอนมันจบลงแล้วก็ได้นะ
If the high was worth the pain หากความสุขมันคุ้มกับความเจ็บปวด

คำว่า High ปกติแล้วจะแปลว่า สูง แต่เป็นสแลงที่หมายถึง “ความสุข” ได้ หรืออาจจะแปลว่า “เมายา” ในที่นี้ก็ควรจะแปลว่าความสุขเนอะ
ในบางเพลงอาจจะใช้เป็นการเล่นคำ ทั้งความสุขและเมายาไปพร้อมๆกันเลยก็มี

Got a long list of ex-lovers ฉันมีรายชื่อแฟนเก่ายาวเป็นหางว่าว
They’ll tell you I’m insane พวกเขาจะบอกเธอว่าฉันมันบ้า

Ex เมื่อเอาไปกับคำนามต่างๆก็มักจะแปลว่า “อดีต” อย่างเช่น Ex-boyfriend, Ex-girlfriend, Ex-friend, Ex-guitarist
แต่เมื่อ Ex อยู่เดี่ยวๆ ก็มักจะแปลว่าคนรักเก่า

‘Cause you know I love the players เพราะรู้มั้ยว่าฉันชอบพวกผู้ชายเจ้าชู้นะ
And you love the game ส่วนเธอก็ชอบเล่นเกมกลไงล่ะ

‘Cause ย่อมาจาก Because ที่แปลว่า “เพราะว่า” แต่ถ้าย่อกว่านี้อีกก็จะเหลือ Cuz
Players จริงๆแล้วแปลว่า “ผู้เล่น” แต่ในเพลงส่วนใหญ่ที่เจอ จะหมายถึง “คนเจ้าชู้” จริงๆก็ดัดแปลงมาจาก ผู้เล่นน่ะแหละ ผู้เล่นเกม คนที่ชอบเล่นเกม เห็นหัวใจคนอื่นเป็นแค่เกม อยากจะเอาชนะ ชนะแล้วก็จบ เริ่มเกมใหม่กับคนอื่น อะไรประมาณนี้
ท่อนต่อมาก็ยังมีพูดถึง เกม ด้วย ก็เลยลงล็อคกับคำว่า Players พอดี

 

อ่านต่อตอน 2 >>

สรุปแบบแยกหมวดหมู่คำศัพท์และไวยากรณ์ >>

ถ้ามีผิดพลาดตรงไหนท้วงติงได้ในคอมเมนต์เลยนะ 😀